- มิติใหม่ล้ำยุคของปุ๋ยชีวภาพ
- ผลิตจากจุลินทรีย์ (siticate bacgteria) ประสิทธิภาพสูง ที่สกัดละลายเพิ่มความเป็น
ประโยชน์ของธาตุ โดยเฉพาะโพแทสเซียม (K) ฟอสฟอรัส (P) และธาตุอื่น ๆ เช่น N, Mg, Ca, Fe, Mo ฯลฯ ทั้งภายในดินและจากหินหรือแร่ - สร้างสารเร่งการเจริญเติบโตของพืช
- ประสิทธิภาพสูง เพิ่มผลผลิตพืชทุกชนิด เช่น พืชผัก พืชไร่ ไม้ผล 10-30%
- เพิ่มความต้านทานโรคแมลง
- เพิ่มความทนแล้ง
ที่มาของปุ๋ยชีวภาพ ไบโอ - เค 1. ด้วยในระยะ 30 ปีที่ผ่านมา มีการใช้ปุ๋ยเคมีเพิ่มขึ้นอย่างกว้างขวาง เพื่อเพิ่มผลผลิต พืชเกษตรทุกชนิด 2. ปุ๋ยเคมีส่วนใหญ่ เน้นการเพิ่มธาตุไนโตรเจน (N) และฟอสฟอรัส (P) ทำให้ดินส่วน ใหญ่เสียความสมดุล ขาดธาตุโพแทสเซียม (K) ที่มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโต และการให้ผลผลิตของพืชไม่แตกต่างกันไปจากธาตุไนโตรเจนและฟอสฟอรัส เพราะ ทั้ง 3 ชนิดเป็นธาตุอาหารหลักที่พืชจำเป็นต้นใช้ในปริมาณมาก 3. ปุ๋ยชีวภาพ ไบโอ – เค เกิดขึ้นโดยการศึกษาค้นคว้าของสถาบันวิจัยทางชีวภาพของ Hebei Acadamy of Seiences, เมือง Boading ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน 4. ปุ๋ยชีวภาพ ไบโอ – เค ผ่านการทดสอบทั้งในห้องปฏิบัติการ เรือนทดลอง และภาค สนามในมากกว่า 20 เขต ทั่วจังหวัดเฮไบ (Hebei) และสรุปว่า มีผลทำให้ผลผลิตพืช มากกว่า 20 ชนิดเพิ่มขึ้น 10-30% 5. ปุ๋ยชีวภาพ ไบโอ – เค จึงเป็นทางเลือกใหม่ของเกษตรกรระดับแนวหน้า จุลินทรีย์ในปุ๋ยชีวภาพ ไบโอ - เค เป็นจุลินทรีย์ประเภท Silicate bacteria ที่ผ่านการวิจัยทดสอบ และคัดเลือกอย่างเป็นขั้นตอน โดยนักวิทยาศาสตร์จีน มีความเชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยา จนในที่สุดได้สายพันธุ์เชื้อจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด ก่อนนำมาใช้ผลิตปุ๋ยชีวภาพ ไบโอ – เค ในระยะ 3 ปีแรกที่ผลิตจำหน่าย (2537-2540) ก็ได้รับความนิยมจากเกษตรกรจีนที่มีพื้นที่เกษตรกรรวมกันมากถึง 1.45 ล้านไร่ บทบาทและกิจกรรมของจุลินทรีย์ในปุ๋ยชีวภาพ ไบโอ-เค เมื่อใส่ปุ๋ยชีวภาพ ไบโอ – เค เชื้อจุลินทรีย์ในปุ๋ยจะเข้าไปเจริญเติบโต และขยายประชากรอยู่ในดิน และบนรากพืชและก่อกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ ดังนี้ - ย่อยละลายและเปลี่ยนธาตุโพแทสเซียม (K) และฟอสฟอรัส (P) จากรูปที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อพืช
- ย่อยละลายธาตุอาหารชนิดอื่น ๆ ที่มีในวัตถุต้นกำเนิดดินและในดิน เช่น N, Mg, Ca, Al, Si ฯลฯ ให้เป็นประโยชน์ต่อพืช
- ทำลายโครงสร้างและปลดปล่อยโพแทลเซียม (K) ที่ถูกตรึงไว้ในดิน ให้พืชสามารถใช้ประโยชน์
- ผลิตสาร stimulins ซึ่งเป็นสารเร่งการเจริญเติบโตของพืช
- เพิ่มความต้านทานโรค spot, blight, witt, blast และ rust
- เพิ่มความทนแล้ง ทนต่ออากาศเย็น และป้องกันปัญหาพืชล้มง่าย
ผลการทดสอบมีประสิทธิ จากการทดสอบปุ๋ยชีวภาพ ไบโอ – เค ที่ดำเนินการต่อเนื่องกันเป็นเวลา 3 ปี โดยนักวิทยาศาสตร์ มีผลสรุปดังนี้ - คลุกเมล็ดก่อนปลูก
: ขนาด 1 – 1.20 : นำเชื้อผสมน้ำพอมาด ๆ ทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วนำไปหว่าน : เหมาะสำหรับ ข้าว, ข้าวโพด, ฝ้าย, ถั่ว ฯลฯ - จุ่มหรือแช่รากต้นอ่อนก่อนย้ายปลูก / ข้าว มันเทศ ผักต่าง ๆ
: ขนาด 1 กก. / น้ำสะอาด 2.5 ลิตร คนให้เข้ากัน จุ่มรากกล้าพืชลงในปุ๋ย 5-10 นาที (อาจคำนวณลดปริมาณปุ๋ยต่อน้ำได้ตามจำนวนต้นกล้า) - เป็นปุ๋ยรองพื้นก่อนปลูก
: นำเชื้อขนาด 2 – 3 กก. ผสมกุบดิน หรือปุ๋ยอินทรีย์, ปุ๋ยคอก ขนาด 700 กก. : นำปุ๋ยที่ผสมแล้วใส่ก้นหลุม หรือหว่านทั่วแปลง พืช มันฝรั่ง ยาสูบ หรือพืช อื่น ๆ - ไม้ผลไม้ยืนต้น
: นำปุ๋ยผสมกับน้ำราดลงในหลุมปลูกหรือรอบโคนต้น : ปุ๋ย 4.8 กก. กับน้ำ 50 – 100 ลิตร คนให้เข้ากัน / พื้นที่ 1 ไร่ : หรือเชื้อ 3-4 กก. / 50 ต้น วิธีการใช้ปุ๋ยไบโอ – เค (เพิ่มเติม) เพื่อให้การใช้เกิดประสิทธิภาพ และประหยัดต้นทุน ขอแนะนำการใช้ ดังรายละเอียด 1. หมักดิน 2. คลุกเมล็ด / แต่งเมล็ด 3. จุ่มราก / แต่งราก 4. ปุ๋ยน้ำ - หมักดิน - แต่งราก, จุ่มราก - ปุ๋ยน้ำ - คลุกเมล็ด 1. ขั้นตอนการขยาย รูปภาพ 1 1. เตรียมน้ำใส่ถัง 100 ลิตร 2. กากน้ำตาล 10 kg. 3. รำอ่อน 5 kg. 4. เชื้อปุ๋ยไบโอ – เค 1 kg. หมัก 72 ชั่วโมง 5. ทั้ง 4 รายการนำมาผสมรวมกัน แล้วหมักไว้ 72 ชั่วโมง (3 วัน) จึงนำไปใช้ได้ 6. หากหมักขั้นตอนที่ 1 แล้วยังไม่นำไปใช้ต่อ สามารถขยายต่อได้อีก โดยวิธีการดังนี้ - กากน้ำตาล 10 กก. 100 กก. 1,000 กก. - รำอ่อน 5 กก. 50 กก. 500 กก. - ปุ๋ยไบโอ-เค 1 กก. 100 ลิตร 1,000 กก. - หมักครบ 72 ชม. หมัก 72 ชม. หมัก 72 ชม. - ฉีดพ่น 20 ลิตร/ไร่ 40 ลิตร 80 ลิตร/ไร่ - จากขั้นตอนการขยายมาแล้ว นำไปใช้กรณีหมักดิน โดย
- ฉีดพ่นลงแปลง แล้วไถกลบ ขนาด 20 ลิตร/ไร่ จากน้ำหมัก 100 ลิตร
- หาหมักต่อจาก 100 ลิตร ฉีดพ่น 40, 80 ลิตร ตามสัดส่วนการหมัก
- หมักไว้ / วัน ห้าม เผาหญ้าฟาง
- ระหว่างการหมักดิน หากมีการเติมธาตุอาหารจากธรรมชาติ เช่น เพอร์ไลท์, ฟอสเฟต หรือ
โดโลไมท์ร่วมกันจะมีประโยชน์เพิ่มขึ้น - กรณีน้ำตม สามารถเทน้ำจุลินทรีย์ตามสัดส่วน แล้วไถกลบได้เลย
- สามารถใช้ร่วมกับเครื่องยิงจุลินทรีย์ได้ ต้นละ 3 จุด รอบต้น - หรือราดต้นละ 1 ลิตร - นำน้ำจุลินทรีย์ฉีดพ่นทางใบ จะเป็นการป้องกันเชื้อโรคไปในตัว หรือหากน้ำน้ำผสมเพอร์ไลท์ก่อนนำไปฉีดก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น (100 ลิตร/เพอร์ไลท์ 5 กก.) - วิธีการ จากการหมักน้ำ 100 ลิตร ครบ 72 ชั่วโมง ให้เติมอินทรีย์วัตถุที่มีซิริก้าหรือผลไม้
สุก 50 กก. / 100 ลิตร หมักต่ออีก 3 เดือน จะเป็นสูตรปุ๋ยเร่งผล - ปุ๋ยน้ำ หลังจากหมักได้ครบ 3 เดือน ควรใช้ทันที ไม่สามารถเก็บต่อได้ เพราะ
เชื้อจะตาย กรณี ที่มีปุ๋ยอินทรีย์ปั้นเม็ด หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพปุ๋ย นำน้ำที่หมักไว้ ฉีดพ่น ลงในเม็ดปุ๋ย แล้วจึงนำปุ๋ยดังกล่าวไปหว่านในนาข้าว แล้วไถกลบไว้ ซึ่งไม่ต้องเติมเคมี ใด ๆ ทั้งสิ้น (นาข้าวอีสาน ผลผลิตจะได้ 400 กก. / ไร่ ขนาดปุ๋ย 50 กก. / ไร่ - ทำติดต่อกันต่อเนื่อง จนครบปีที่ 3 สามารถให้ผลผลิตได้ 1,000 กก./ไร่
2. การใช้โดยตรง - เชื้อ BPF/Bio-K 1 กก.
- น้ำ 1 – 2 ลิตร หรือ 10 ลิตร
- เพอร์ไลท์ 3 กก.
- นำรากพืช ที่ย้ายกล้ามาจุ่ม พอติดราก แล้วนำปลูกลงแปลง
เพิ่มเปอร์เซ็นต์ความงอกและรากพืชสมบูรณ์ ลดการเป็นโรค - เชื้อ 1 กก.
- น้ำ 1 – 2 ลิตร
- นำเมล็ดพืชข้าว 20 กก.
- เมื่อคลุกแล้วผึ่งในร่มให้แห้งแล้วนำไปหว่านและใช้ให้หมดภายใน 48 ชั่วโมง
|